top of page

::: เห็น ด้วย ใจ :::

เร็วๆ นี้ ผมได้ยินครูฝรั่งท่านนึงทาง Youtube

ท่านแชร์ได้น่ะฟังดีเหลือเกินเกี่ยวกับ "ตาที่ 3" ครับ

 

เขาบอกว่า เป็น "ดวงตาแห่งญาณปัญญา" ที่มีอยู่ในหลายวัฒนธรรมและความเชือแต่โบราณ เป็น "ดวงตาภายใน" ที่อยู่เหนือและระหว่าง ตาเนื้อทั้งสองดวง

 

ดังนั้น จากคำฝรั่งท่านนี้ ทำให้ผมอนุมานไปถึง ความอัศจรรย์ของตาที่สองและสามนี้

 

ถ้าตาเนื้อที่เรามองเห็น มีสองข้าง และแม้มันจะสร้างเป็นภาพเดียวกันในการรับรู้ แต่เชื่อไหมครับ ด้วย "ความคิด"

มันกลับทำให้เราเห็นทุกสิ่งเป็นสอง (ทวิภาวะ)

 

ต่อให้เป็นภาพๆ เดียวกัน แต่เชื่อไหมว่า ตราบใด ที่ยังเป็นตาแห่งการมองผ่าน ความคิด ความจำ ความเชื่อ มันก็เป็นสอง เหมือนตาเนื้อ มี ถูก ผิด ชอบ ชัง เกลียด รัก ดำ ขาว มืด สว่าง เอา ไม่เอา ใช่ ไม่ใช่ ฯลฯ

.

 

แต่จนกว่าเราจะ " หยุด - พัก - วาง "

" ความคิด ความจำ ความเชื่อ "

เมื่อนั้น การเห็นด้วยใจ จึงทำงาน

.

 

เพราะ ใจ ทำงานเหนือ และอยู่ก่อน

" ความคิด ความจำ ความเชื่อ "

.

 

มันจึงมองเห็น สัมผัส และรู้สึกได้ ถึง

" ความจริง ความงาม ความรัก "

.

 

หรือ บางที ตาที่สามที่ เราได้ยินมานานแสนนาน

ก็อาจหมายถึง ดวงตา แห่ง หนึ่งนั้น

ตา ที่เรา เห็น ความจริงของตัวเรา

เห็น ความจริงของสิ่งต่างๆ

เห็น ความงาม และ เห็น ความรัก

 

ซึงการเห็นเหล่านี้ "ความคิด" แทบทำไม่ได้เลย

เพราะมันต้องการ ข้อมูล เหตุผล ตรรกะ

การตัดสินใจ การเลือก การคัดเข้า การตัดออก

 

จะว่าไป "ความคิด" ก็ทำหน้าที่ตัดสินและเลือกให้ชีวิตเรา แต่มันไปไม่ไถึง "ความจริง ความงาม ความรัก" ก็อาจเป็นเพราะ สิ่งเหล่านี เราต้องเห็น "ความเป็นทั้งหมด"

ไม่เอาจะ คิด นึก เลือก หรือ แบ่งแยกเป็นส่วนๆ ได้

 

บางที การเห็นความเป็นทั้งหมดในสรรพสิ่ง ก็อาจต้องเริ่มต้นที่ การเห็นความเป็นทั้งหมดในตัวเรา

 

และการเห็นทั้งหมดในตัวเรา ไม่อาจะพึ่งพึงตาที่สองที่สามหรือที่สิบแปดสิบเก้า ของครูบาอาจารย์หรือใครผู้ใดได้เลย

 

คงมีแต่ "ตาในใจ" ของเราเท่านั้น ที่จะแลเห็น และ เข้าถึง ทุกซอกทุกมุม ในจิตสำนึก ประสบการณ์ ความทรงจำ และความเป็นทั้งหมดของเรา

 

สำหรับผมแล้ว ถ้าให้ใคร่ครวญย้อนหลัง ผมคิดว่าผมน่าจะลืมตาดวงนี้มา 13 14 ปีก่อน ครั้งแรกที่ตาดวงนี้ของผมเปิดมองโลก เกิดขึ้นที่การบวชทั้งแรก ณ วัดชลประทานฯ

 

เป็นครั้งแรกที่ผมหลุดจากกรอบของเวลา และจากกรอบของแค่สิ่งที่ตาเนื้อตัดสิน ผมเริ่มเห็น บางสิ่ง ที่อยู่เบื้องหลัง อยู่ก่อน และความเป็นมา เป็นไปของทุกๆ สิ่ง

 

ผมเห็นที่มา ของกล่องนม

สีบนฝ้าเพดาน

รองเท้าแตะที่วางอยู่บนพื้น

 

เห็นความงามของใบที่สดเขียวอยู่บนต้น

แห้งเหี่ยวอยู่บนพื้น ครั้งแรกที่ผมเห็น

ผมเห็นแล้วว่า ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง ...

 

ผมหลุดออกจากความคิด

และประจักษ์สัจจะครั้งแรก

ถึงการไม่คงที่ของสรรพสิ่ง

 

เพราะ ด้วยตาเนื้อ ใบไม้แห้งที่หล่นอยู่กับพื้น

อาจดูเงียบสนิท ไร้ค่า และไม่มีสาร-สาระใดส่งถึงเรา

 

แต่ด้วย ตาใจ ใบไม้แห้งที่หล่นอยู่กับพื้น

กำลังตะโกนร้องบอก "ธรรม" หรือความจริง

ความจริงของชีวิต ความจริงของทุกๆ สิ่ง

 

และไม่ใช่แค่ใบไม้ใบเดียว...

ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ที่ ธรรม...ธรรมดา...

อันรอให้ ใจ ของเราเข้าถึง และเข้าใจ

ในความเป็นจริงของสรรพสิ่ง ชีวิต และตัวเราเอง

 

จากตาที่มองทุกสิ่ง เป็นสอง ถูกผิด ดำขาว

เมื่อเราเห็นสิ่งๆ นั้นอีกครั้ง ด้วยตาที่สาม

มันกลับพาเราไปหา สิ่งๆ หนึ่ง

 

สิ่งๆ นี้มีมาก่อนทุกการแบ่งแยกแตกออก

เป็นจุดกำเนิด และจุดหมาย

ไม่ใช่อดีต อนาคต แต่คือ ขณะนี้

ปัจจุบัน อันไม่เคยหยุดอยู่กับที่

มันแปรเปลี่ยนไป มันไร้กาล เหนือกาล

และอนันตกาล

 

เพราะ ปัจจุบัน นี่เอง

เป็น กาละ และ เทศะ เดียว

ที่เป็นเวลาแท้ และเป็นบ้านที่จริง

ของ ใจ ทุกๆ ดวง

 

 

ด้วยรักและไมตรี

 

 

ปล. เขียนไปเขียนมา ทำไมใจพานิ้วพิมพ์เตลิด สาธยาไปไกลขนาดนี้ ขอให้ตาที่สามของคุณผู้อ่าน โปรดให้อภัยผมเถิด

bottom of page